สารวัตรแจ๊ะ นำทีมบุกรวบ “พลอย” ดาวติ๊กต็อก หนีไปเป็น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างถูกบังคับเป็นเมียน้อยบอส เปิดคำให้การ ทำงานลวงให้รัก หลอกเหยื่อได้กว่า 30 คน
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากกรณีของ พลอย ดาวติ๊กต็อก ผู้ติดตามกว่า 36k มีพฤติกรรมลักขโมยทรัพย์สินที่บ้านของชายหนุ่มที่มีความสัมพันธ์ จนเป็นที่ปรากฏภาพจากสื่อมวลชนเมื่อปลายเดือน ก.ค.67
ต่อมาวันที่ 10 ก.ย. 67 พนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ได้ออกหมายจับ น.ส.พลอย ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ , ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์” ก่อนที่น.ส.พลอยณภัทรหลบหนีไป
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.ของวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ชุดสืบนครบาลร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกันจับกุมตัวได้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากการสอบสวน น.ส.พลอยณภัทร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากติดพนันออนไลน์ (ปั่นสล็อต) และไม่สามารถยืมเงินของนายต่อแฟนหนุ่มได้ เนื่องจากตอนนั้นนายต่ออยู่ที่ปอยเปต กำลังเข้าไปเปิดบัญชีม้าและคอยแสกนหน้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพอยู่
น.ส.พลอยณภัทร ให้การต่อว่า ตนจึงตัดสินใจเข้าไปขโมยทรัพย์สินในบ้านของแฟนตามที่เห็นจากภาพกล้องวงจรปิด โดยได้ทรัพย์สินไปประมาณ 60,000 บาท จากนั้นได้หลบหนีโดยติดต่อไปที่ติ๊กต็อกรายหนึ่งซึ่งเป็นที่รับสมัครไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
น.ส.พลอยณภัทร ให้การอีกว่า โดยมีรายละเอียดว่าหากไปทำงานกับเขาจะได้เงินเดือน ๆ ละ 25,000 บาท และยังมีเงินพิเศษรายวันหากทำยอดหลอกลวงแตะตามเป้าหมายที่วางไว้ เริ่มต้น 5% ของเงินที่หลอกได้/รายวัน, 7% ของเงินที่หลอกได้/รายเดือน
น.ส.พลอยณภัทร ให้การว่า โดยมีเงินขั้นต่ำ 50,000-100,000 บาท แต่หากทั้งเดือนหลอกได้ไม่ถึง 50,000 บาท จะไม่ได้รับเงินเดือนเลย ตนเห็นรายละเอียดแล้วสนใจจึงตัดสินใจข้ามไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยข้ามประเทศด้วยการใช้เส้นทางธรรมชาติ
น.ส.พลอยณภัทร ให้การด้วยว่า เมื่อข้ามไปถึงฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้มีคนมารับพาไปและเข้าทำงานที่ชั้น 12 ของอาคาร 25 ชั้น โดยจะทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์รูปแบบหลอกให้รักแล้วชวนทำภารกิจดันสินค้าซึ่งไม่มีจริง
น.ส.พลอยณภัทร ให้การต่อว่า โดยหัวหน้าจะให้สร้างโปรไฟล์เฟซบุ๊กและไลน์ตีสนิทกับเหยื่อก่อนประมาณ 15 วัน เมื่อเหยื่อหลงรักเราแล้วก็จะค่อย ๆ ชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ซึ่งไลน์อวตารอีก 4 ตัว เป็นหน้าม้าและมีการทำสลิปโอนเงินปลอมเพื่อล่อใจเหยื่อให้ทำภารกิจดันสินค้านี้
ผู้ต้องหาร ให้การอีกว่า ระหว่างที่อยู่ที่แรกมีเหยื่อที่หลงเชื่อและเริ่มคุยกับตนแล้วประมาณ 10 คน ซึ่งหลังจากตนอยู่ที่ตึก 25 ชั้นนี้ได้เพียง 1 สัปดาห์ คดีของตนก็เกิดเป็นข่าวขึ้น ทำให้บอสชาวจีนได้ย้ายตนไปหลบอยู่อีกออฟฟิศหนึ่งทันที ซึ่งเป็นตึก 4 ชั้นในซอยวัดใหม่
น.ส.พลอยณภัทร ให้การว่า โดยเมื่อทำงานที่นี่เป็นรูปแบบการหลอกลวงลักษณะเดียวกับที่แรก แต่เปลี่ยนตัวสินค้าที่ให้เหยื่อทำภารกิจ โดยที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 นี้ ตนใช้เฟซบุ๊กอวตาร ชื่อ “ก้อย” แค่ตัวเดียว ได้ลูกค้าที่พูดคุยด้วยประมาณ 20 กว่าคน และมีผู้หลงเชื่อให้หลอก 1 คน เป็นเงิน 25,000 บาท
ผู้ต้องหา ให้การด้วยว่า แต่ตนเห็นคนเก่ง ๆ ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ สามารถหลอกลวงพยาบาลสาวได้เป็นเงิน 5,000,000 บาท ตนจึงพยายามตั้งใจทำงานมากขึ้นหวังจะได้เงินเยอะ ๆ
น.ส.พลอยณภัทร ให้การว่า แต่เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่งก็ประสบปัญหา โดยบอสของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ที่เป็นชาวไทยชื่อว่า “แสบ” ได้เข้ามาตีสนิทและบีบบังคับให้ตนเป็นเมียน้อย โดยจะให้เงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ตนได้ปฏิเสธจึงถูกไล่ออกทันที
ผู้ต้องหา ให้การต่อว่า หลังถูกไล่ออกตนก็ได้ไปเข้าทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ซึ่งเรียกกันว่า หลังบ่อตกปลา โดยการหลอกจะเป็นรูปคล้ายเดิม คือหลอกให้รักแล้วชวนลงทุนเทรดหุ้นในเพลตฟอร์มเก๊ ซึ่งท้ายสุดเหยื่อจะถอนเงินออกไม่ได้ ซึ่งทำงานได้เพียง 3 วัน นายต่อแฟนที่เป็นคู่กรณีก็ได้ทักมาบอกว่าสารวัตรแจ๊ะจะไปตามจับให้หลบหนี
น.ส.พลอยณภัทร ให้การว่า ซึ่งถัดมาเพียง 2 วัน ก็มีตำรวจมาจับกุมตนจริง ๆ ระหว่างเดินทางไปทำงาน โดยช่วงชีวิตที่ผ่านมา 2 เดือนนี้ตนรู้สึกได้ว่าถลำลึกไปมาก โดยตอนแรกคิดเพียงว่าจะไปหาเงินสักก้อนหนึ่งเพื่อนำกลับมาชดใช้ ไม่คิดว่าชีวิตจะถลำลึกถึงเพียงนี้
ผู้ต้องหา ให้การด้วยว่า อยากให้ชีวิตตนเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม ส่วนปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นตนคิดว่าคงแก้ไม่ได้ เพราะรายได้ดี อย่างไรก็ล่อตาล่อใจให้คนมาทำได้ง่าย ๆ
หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.นิมิตรใหม่ ดำเนินคดีต่อไป